สายพันธุ์ส้มที่นิยมปลูกในประเทศไทย

ส้มเกลี้ยง(Sweet Orange: C. sinensis) เป็นไม้ผลขนาดกลาง ต้นสูงประมาณ 5-7 เมตร ทรงพุ่มค่อนข้างทึบ กิ่งก้านแข็งแรง มีหนามขนาดใหญ่ หลังจากปลุกแล้ว 3 ปี จะเริ่มให้ผลผลิต ตั้งแต่เริ่มออกดอกจนถึงดอกบานใช้เวลาประมาณ 20 วัน นับจากดอกบานจนถึงผลแก่ใช้เวลาประมาณ 7.5-8 เดือน ส้มเขียวหวาน(Tangerine: C. reticulata) เป็นไม้ผลขนาดเล็ก ต้นสูงประมาณ 2.5-3 เมตร ทรงพุ่มมีลักษณะแน่นทึบ เริ่มให้ผลผลิตเมื่ออายุ 3 ปี และให้ผลผลิตไม่ต่ำกว่า 15 ปี ถ้ามีการดูแลรักษาอย่างดี ตั้งแต่เริ่มออกดอกจนถึงดอกบานใช้เวลาประมาณ 20-25 วัน นับจากดอกบานจนถึงผลแก่ใช่เวลาประมาณ 8 เดือน ต้นส้มเขียวหวานที่มีอายุ 10 ปี ให้ผลผลิตประมาณ 150-180 กิโลกรัมต่อต้นต่อปี น้ำหนักเฉลี่ยของผลประมาณ 8 ผลต่อ 1 กิโลกรัม ส้มจุก(Neck Orange: C. nobilis) เป็นไม้ผลขนาดกลาง เริ่มให้ผลผลิตหลังปลูกประมาณ 3 ปี และให้ผลต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 20 ปี ตั้งแต่ออกดอกจนถึงดอกบานใช้เวลาประมาณ 20 วัน นับจากดอกบานจนถึงผลแก่ใช้เวลาประมาณ 8 เดือน ต้นส้มจุกที่มีอายุ 5 ปี จะให้ผลผลิตที่มีน้ำหนักเฉลี่ยของผลประมาณ 5-6 ผลต่อ 1 กิโลกรัม ส้มตรา(ส้มเช้ง) (Acidless Orange: C. sinensis) เป็นไม้ผลทรงพุ่มขนาดเล็ก ต้นสูงประมาณ 2.5-3 เมตร เริ่มให้ผลผลิตเมื่ออายุ 3 ปี และให้ผลผลิตไม่ต่ำกว่า 10 ปี ตั้งแต่เริ่มออกดอกจนถึงดอกบานใช้เวลาประมาณ 1 เดือน นับจากดอกบานจนถึงผลแก่ใช้เวลาประมาณ 8-9 เดือน ต้นส้มตราที่มีอายุ 5 ปี ให้ผลผลิตประมาณ 50 กิโลกรัมต่อต้นต่อปี นำหนักเฉลี่ยของผลประมาณ 6-8 ผลต่อ 1 กิโลกรัม ส้มโอ(Pummelo: C. grandis หรือ C. maxima) เป็นไม้ผลทรงพุ่มขนาดกลาง ต้นสูงประมาณ 3-7 เมตร เริ่มให้ผลผลิตเมื่ออายุ 4 ปี และให้ผลผลิตไม่ต่ำกว่า 15-20 ปี นับจากดอกบานจนถึงผลแก่ใช้เวลาประมาณ 8 เดือน ต้นส้มที่มีอายุ 8 ปี จะให้ผลผลิตประมาณ 80-100 ผลต่อต้นต่อปี

วิธีการปลูกทุเรียนป่าละอู

วิธีการปลูกทุเรียนป่าละอู เกษตรกรที่นิยมปลูกทุเรียนพันธุ์หมอนทอง โดยใช้พันธุ์จากทางใต้ หรือจากจันทบุรี ก็ได้ เพราะทุเรียนป่าละอูมีความสำคัญอยู่ที่สภาพดิน อากาศ ความชื้นหรือสภาพภูมิศาสตร์ มากกว่า เกษตรกรจะขุดหลุมกว้าง 50 x 50 เซนติเมตร ลึก 50 เซนติเมตร โดยใช้ปุ๋ยหมักจำนวน 2 กิโลกรัม ใส่ก้นหลุมแล้วใช้ดินกลบเล็กน้อย แล้วก็นำทุเรียนมาปลูกได้โดยปลูกระหว่างต้น 10x10 เมตร และใช้ชาแลนขนาด 80% ตัดให้มีขนาด 1 ตารางเมตร มาบังแสงแดด สวนทุเรียนบางแห่งก็ติดตั้งระบบ น้ำหยด หรือระบบสปริงเกอร์รดน้ำทุกวัน แต่ไม่ต้องมาก ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่น่าสนใจของการปลูกทุเรียนป่าละอูก็คือ เกษตรกรนิยมปลูกกล้วยนาน 1 ปี ก่อนจะปลูกทุเรียนป่าละอู เพราะทุเรียนที่ปลูกใหม่จะไม่ทนต่อแสงแดดมากนัก เจอแดดจัดทำให้ทุเรียนตายได้ ชาวบ้านจึงนิยมปลูกกล้วย เพื่ออาศัยต้นกล้วยและใบกล้วยเป็นร่มเงาช่วยบังแสงแดดให้ต้นทุเรียน เนื่องจากต้นกล้วยเก็บน้ำไว้ในลำต้นมาก เวลาหน้าแร้ง ความชื้นของต้นกล้วยก็สามารถถ่ายเทมาที่ต้นทุเรียน ได้อีกด้วย ในการดูแลสวน ชาวบ้านจะหมั่นทำความสะอาดโคนทุเรียน ไม่ให้มีหญ้าคอยรบกวน คอยใส่ปุ๋ยหมัก ใส่โคนต้นเป็น ประจำ เมื่อต้นทุเรียนอายุประมาน 4-5 ปี จะเริ่มออกดอก ต้องตัดดอกทิ้ง ต้นทุเรียนอายุ 5 ปี จะให้ผลประมาณ 10-20 ผล ต้นทุเรียนอายุ 10 ปีขึ้นไปจะให้ผลผลิต 120 ผลขึ้น จะได้น้ำหนักประมาณ 250 กิโลกรัม

สรรพคุณของทุเรียน

สรรพคุณของทุเรียน
 1. ช่วยฆ่าเชื้อ จากกำมะถันในเนื้อเป็นเสมือนยาปฏิชีวนะอ่อน ๆ  2. ช่วยเผาผลาญ จากความร้อนของกำมะถันและน้ำตาลในเนื้อ 3. ช่วยระบาย จากกากที่เป็นเส้นใยยุ่บยั่บในเนื้อ นอกจากนี้ทุเรียนยังมีฤทธิ์ไล่พยาธิได้ ด้วยกำมะถันที่รุ่มร้อน ทำให้ลำไส้ไม่เป็นบ้านแสนสุขของพยาธิอีกต่อไป อีกทั้งกากใยในเนื้อที่ช่วยขัดล้างลำไส้ด้วย การกินทุเรียนเพื่อสุขภาพ ควรกินครั้งละไม่เกิน 2 เม็ด ขนาดกลาง น้ำหนักเฉพาะเนื้อประมาณ 100 กรัม จะให้พลังงานสูงถึง 187 กิโลแคลอรี ให้ไขมัน 4.1 กรัม โปรตีน 2.5 กรัม และให้แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก และวิตามินเอ ประมาณ 18 มก. 36 มก. 1 มก. และ 22 มก. ตามลำดับ แต่ ถ้าหากกินครั้งละ 2-3 พู เท่ากับ 4-6 เม็ด หรือเกือบครึ่งลูก ก็จะทำให้ร่างกายได้รับพลังงานจากความหวานของทุเรียนมากเกินไป ถึงประมาณ 400 กิโลแคลอรี ซึ่งพอๆ กับกินข้าว 5 ทัพพี หรือกินน้ำอัดลมเกือบ 2 กระป๋อง หรือก๋วยเตี๋ยวหมู 1 ชาม  ซึ่งทุเรียนได้มีการแปรรูปหลากหลาย ซึ่งทำเป็นขนมทานเล่น เช่น ทุเรียนแท่งทอด มีการดัดแปลงให้ทานได้ง่ายขึ้น ทุเรียนแท่งทอด  สามารถทานได้ตลอดเวลา โดยไม่ต้องกังวลเรื่องสุขภาพ เพราะไม่หวานเท่าผลทุเรียนสดๆ และไขมันน้อยกว่า

 

ประโยชน์ของขนุน

ประโยชน์ของขนุน 
     การเป็นมงคล ไม้ขนุน หมายถึง หนุนบารมี เงินทอง ให้ดีขึ้น ร่ำรวยขึ้น จะมีผู้ให้การเกื้อหนุนจุนเจือ คนไทยโบราณให้ปลูกไว้หลังบ้าน ด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ นอกจากเป็นไม้มงคลนามที่ควรปลูกกันทุกบ้านแล้ว ขนุนยังเป็นพืชยืนต้นที่มีผลเนื้อหอมหวานอร่อยอีกด้วย ทางเหนือจะนำลูกขนุนอ่อนมาทำอาหารได้หลายอย่างเช่น ตำมะหนุน แกงขนุน ฯ เป็นอาหารที่อร่อยมาก เป็นของโปรดของผู้เขียนทั้ง 2 อย่าง หน้าบ้านจะมีต้นขนุนอยู่ 1 ต้น ออกลูกทุกปี ( และได้ไปแอ่วต่างประเทศทุกปีเช่นกัน ไปแบบเป็นภาพนะคะ ชาวต่างชาติเดินผ่านจะต้องถ่ายรูปกันเพราะนอกจากออกลูกใหญ่ให้ได้ชิมเนื้อแล้ว ยังมีลูกเล็กๆที่ไม่โตอีกออกทั้งปี มีผู้นำไปทำอาหารเช่นกัน จึงเป็นจุดสนใจของคนที่เดินผ่านมาก ) ที่บ้านจึงมีไม้มงคลต้นใหญ่อยู่ต้นเดียวคือขนุน นอกนั้นอยู่ในกระถาง มั่นเปลี่ยนดินให้เท่านั้น ราก แก้โรคผิวหนัง มะเร็ง ท้องเสีย บำรุงเลือด แก่น สมานแผล บำรุงเลือด สมานลำไส้ ใบ แก้ปวดหู หูเป็นน้ำหนวก แก้ฝีหนองเรื้อรัง ลดน้ำตาลในเลือด อาหารจะมีแป้ง ยาง ทาแผลบวมอักเสบ แผลมีหนองเรื้อรัง แก้ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ ที่เกิดจากแผลมีหนองที่ผิวหนัง ไม้ขนุนผลสุก เป็นยาระบาย แก้กระหายน้ำ เมาสุรา บำรุงกำลัง และช่วยย่อย ไส้ใน แก้ตกเลือดในทวารเบาของสตรี เมล็ด บำรุงน้ำนมในสตรีหลังคลอด แก้ปวดท้อง บำรุงร่างกาย บำรุงกำลัง นำไปต้มหรือเผา กินเป็น ใช้เป็นสีย้อมผ้าไหม สารที่ทำให้เกิดสี คือ Morin และ Cyanomaclurin นอกจากนี้ขนุนสามารถนำมาทำเป็นอาหารได้หลายอย่าง เช่น ขนุนเชื่อม
ขนุนทอดกรอบ น้ำขนุน ซึ่งขนุนทอดกรอบ นี้ สามารถนำมาอบเนยเป็นการแปรรูปอีกหนึ่งวิธี

ประโยชน์ของฝักทอง

ประโยชน์ของฝักทอง
 1. ฟักทองมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีส่วนช่วยในการชะลอวัยความแก่ชรา 2. ช่วยฟื้นบำรุงสุขภาพผิว ให้เปล่งปลั่งสดใส และช่วยปกป้องผิวไม่ให้เหี่ยวย่น 3. ประโยชน์ฟักทอง ช่วยบำรุงและรักษาสายตา 4. ฟักทองมีส่วนช่วยบำรุงสุขภาพร่างกาย 5. ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย 6. น้ำมันจากเมล็ดฟักทองมีส่วนช่วยบำรุงประสาท 7. เมล็ดฟักทองช่วยทำให้อารมณ์ดี เพราะมีสารที่ช่วยในการสร้าง Serotinin ซึ่งมีผลต่ออารมณ์ 8. มีฤทธิ์ในการช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด 9. เป็นอาหารที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักหรืออยากลดความอ้วน เพราะมีไขมันน้อยกากใยสูง 10. ฟักทองมีกรดโปรไพโอนิคซึ่งมีส่วนทำให้เซลล์มะเร็งอ่อนแอลง 11. มีส่วนช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคมะเร็ง 12. มีส่วนช่วยป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหัวใจ 13. ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยบริเวณข้อเข่า บั้นเอว 14. มีส่วนช่วยป้องกันโรคผิวหนัง 15. เปลือกฟักทองมีคุณสมบัติในการกระตุ้นการหลั่งอินซูลินในร่างกาย ซึ่งช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดป้องกันการเกิดโรคเบาหวาน นอกจากนี้ฝักทองสามารถนำมาทำเป็นอาหารได้หลายอย่าง เช่น ฝักทองชื่อม ฝักทองกรอบ แกงบวชฝักทอง ฝักทองนึ่ง และฝักทองกรอบ สามารถเก็บไว้ได้นานอีกด้วย